วันอังคารที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2553

อะตอม

คำว่า "อะตอม" เป็นคำซึ่งมาจากภาษากรีกแปลว่าสิ่งที่เล็กที่สุด ซึ่งนักปราชญEwbr>ชาวกรีกโบราณที่ชื่อ ลูซิพปุส (Leucippus) และดิโมคริตุส (Democritus) ใช้สำหรับเรียกหน่วยที่เล็กที่สุดของสสาร ที่ไมEwbr>สามารถแบ่งแยกต่อไปได้อีก โดยเขาได้พยายามศึกษาเกี่ยวกับวัตถุที่มีขนาดเล็ก (ฟิสิกสEwbr>ระดับจุลภาค, microscopic) และมีแนวคิดเกี่ยวกับโครงสร้างของสสารว่า สสารทั้งหลายประกอบด้วยอนุภาคที่เล็กที่สุด จะไมEwbr>สามารถมองเห็นไดEและจะไมEwbr>สามารถแบ่งแยกให้เล็กลงกว่านั้นได้อีก แตEwbr>ในสมัยนั้นก็ยังไม่มีการทดลอง เพื่อพิสูจนEwbr>และสนับสนุนแนวความคิดดังกล่าว

ต่อมาวิทยาศาสตรEด้เจริญก้าวหน้าขึ้น และนักวิทยาศาสตรEwbr>ก็พยายามทำการ ทดลองค้นหาคำตอบเกี่ยวกับเรื่องนีEwbr>ในรูปแบบต่างEwbr>ตลอดมา จนกระทั่งเกิดทฤษฎีอะตอมขึ้นมาในปี ค.ศ.1808 จากแนวความคิดของจอหE ดาลตัน (John Dalton) ผู้เสนอสมมติฐานเกี่ยวกับแบบจำลองอะตอม และเป็นทีEwbr>ยอมรับและสนับสนุนจากนักวิทยาศาสตรEwbr>ในสมัยนั้น โดยทฤษฎีอะตอมของดาลตันได้กล่าวไว้ว่า

1. สสารประกอบด้วยอะตอม ซึ่งเป็นหน่วยที่เล็กที่สุด แบ่งแยกต่อไปอีกไม่ไดEและไม่สามารถสร้างขึ้นหรือทำลายให้สูญหายไป

2. ธาตุเดียวกันประกอบด้วยอะตอมชนิดเดียวกัน มีมวลและคุณสมบัติเหมือนกัน แต่จะแตกต่างจากธาตุอื่น

3. สารประกอบเกิดจากการรวมตัวของอะตอมของธาตุตั้งแตE2 ชนิดขึ้นไปด้วยสัดส่วนที่คงทีEBR>
4. อะตอมของธาตุแต่ละชนิดจะมีรูปร่างและน้ำหนักเฉพาะตัว

5. น้ำหนักของธาตุที่รวมกัน ก็คือน้ำหนักของอะตอมทั้งหลายของธาตุที่รวมกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น